การเลี้ยงโคนมควรจะรู้เรื่องของโคนมซึ่งแบ่งเป็น ๒ ประเภทใหญ่
๑. พันธุ์โคนมที่มีถิ่นกำเนิดในแถบร้อน เช่น พันธุ์เรดซินดี้ ซาฮิวาล เป็นต้น จะสังเกตว่าโคนมพวกนี้จะมีโหนกหลังใหญ่และทนอากาศร้อนได้ดีแต่ให้นมไม่มากนัก
๒. พันธุ์โคนมที่มีถิ่นกำเนิดในแถบหนาวหรือเรียกว่า โคนมยุโรปมีอยู่หลายพันธุ์ สังเกตได้ง่ายคือไม่มีโหนกที่หลัง คือจะเห็นแนวสันหลังตรง มักไม่ค่อยทนต่ออากาศร้อน พันธุ์ที่สำคัญได้แก่พันธุ์ขาวดำหรือโฮลสไตน์ฟรีเซียน
โคพันธุ์โฮลสไตน์ฟรีเซียนนี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศฮอลแลนด์ ได้รับความนิยมเลี้ยงกันมากที่สุดเพราะให้นมมาก มีสีดำตัดขาว รูปร่างใหญ่ ขนาดโตเต็มที่ตัวผู้หนัก ๘๐๐-๑,๐๐๐ กก. ตัวเมียหนัก ๖๐๐-๗๐๐ กก. โคพันธุ์นี้ชอบอากาศหนาว อุณหภูมิไม่ควรเกินกว่า 22°ซ.
สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศแถบร้อน การเลี้ยงโคนมพันธุ์โฮลสไตน์ที่เป็นพันธุ์แท้มักจะมีปัญหามากถ้าหากการจัดการไม่ดี ดังนั้นเกษตรกรควรเลี้ยงลูกผสมระหว่างโคพันธุ์โฮลสไตน์กับโคพันธุ์พื้นเมือง หรือโคที่มีกำเนิดในแถบร้อนพันธุ์อื่น ๆ โดยมีสายเลือดโคนมพันธุ์โฮลสไตน์อยู่ระหว่าง ๕๐-๗๕ ℅ ซึ่งลูกผสมระดับสายเลือดนี้จะให้ผลผลิตการให้นมเฉลี่ยปีละประมาณ ๑,๘๐๐-๒,๒๐๐ กก.
การเริ่มต้นเลี้ยงโคนมสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ทุน สถานที่ ตลาดและปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญคือทุน ซึ่งแบ่งแยกออกได้เป็น ๕ รายการ คือ
๑. ทุนสำหรับซื้อโค
๒. ทุนสำหรับสร้างโรงเรือนหรือคอกสัตว์
๓. ทุนสำหรับเตรียมแปลงหญ้า
๔. ทุนสำหรับหาแหล่งน้ำหรือการชลประทาน
๕. ทุนสำหรับค่าอาหาร ค่าแรงงานอื่น ๆ เป็นต้น
การเลี้ยงโคนมอาจเริ่มต้นได้หลายวิธี ซึ่งแล้วแต่ความเหมาะสมและความพร้อมแต่ละบุคคล ดังนี้
๑. เริ่มต้นโดยการหาหรือเลือกซื้อ แม่โคพันธุ์พื้นเมือง หรือแม่โคที่มีสายเลือดโคเนื้อที่มีลักษณะดีไม่เป็นโรคติดต่อมาเลี้ยง แล้วใช้วิธีผสมเทียมกับสายเลือดโคพันธุ์นมของยุโรปพันธุ์ใดพันธุ์หนึ่ง เมื่อได้ลูกผสมตัวเมียก็จะมีเลือดโคนม ๕๐℅ เมื่อเลี้ยงดูต่อไปอีกประมาณ ๓๐-๓๖ เดือน ก็จะให้ลูกตัวแรก แม่โคตัวนี้ก็จะเริ่มรีดนมได้
๒. เริ่มต้นโดยหาซื้อลูกโคนมพันธุ์ผสมเพศเมียมาเลี้ยงโดยอาศัยนมเทียมหรือหางนมผงละลายน้ำให้กินในปริมาณจำกัด พร้อมทั้งให้อาหารข้นลูกโคอ่อนและหญ้าจนกระทั่งอย่านมถึงอายุผสมพันธุ์ ตั้งท้อง คลอดลูก และเริ่มรีดนมได้
๓. เริ่มต้นโดยการจัดซื้อโคนมอายุเมื่อหย่านม โครุ่น โคสาว หรือโคสาวที่เริ่มตั้งท้อง หรือแม่โคที่เคยให้นมแล้วจากฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งมาเลี้ยง วิธีนี้ใช้ทุนค่อนข้างสูง แต่ให้ผลตอบแทนเร็ว
วิธีเลี้ยงลูกโคระยะแรก
โดยให้ลูกโคกินนมแม่ต่อหลังจากนมน้ำเหลืองหมด จนลูกโคอายุได้ ๒-๓ เดือน แล้วจึงให้กินนมเทียมหรือนมผงละลายน้ำต่อ จนอายุได้ ๔-๖ เดือน จึงหย่านม การให้นมควรจะให้ในปริมาณที่เกือบคงที่ตลอดไปหรือประมาณ ๑๐℅ของน้ำหนักตัว เช่น ลูกโคเกิดมามีน้ำหนัก ๔๐ กก. ก็ให้นมวันละ ๔ กก. โดยแบ่งครึ่งเช้าและบ่ายจนอายุหย่านม ในขณะเดียวกันควรตั้งอาหารขึ้นสำหรับลูกโคและหญ้าแห้งวางไว้ให้ลูกโคได้ทำความรู้จักและหัดกินตั้งแต่ลูกโคอายุได้ ๑-๒ สัปดาห์ เป็นการหัดโดยการบังคับให้ลูกโคช่วยเหลือตัวเองโดยเร็วที่สุด ประหยัดนมแม่โคได้มากเป็นการลดต้นทุนในการเลี้ยงลูกโค
การเลี้ยงโครุ่นและโคสาว
เมื่อลูกโคอายุได้ ๔ เดือน ระบบการย่อยได้พัฒนาดีขึ้น ลูกโคจะสามารถกินหญ้าได้ดีแล้ว จากนั้นก็จะถึงระยะการเป็นโครุ่น-โคสาว ต่อไป ก็จะถึงอายุเกณฑ์ผสมพันธุ์คืออายุได้ประมาณ ๑๘-๒๒ เดือน ในช่วงดังกล่าวนี้โคจะเจริญอย่างรวดเร็วควรเพิ่มอาหารผสมให้บ้างเป็นวันละ ๑-๒ กก.และให้หญ้ากินเต็มที่ ในกรณีที่เลี้ยงแบบปล่อยลงในแปลงหญ้าก็จะเป็นการดียิ่งขึ้น เพราะโคได้ออกกำลังกาย และยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและแรงงานได้มากอีกด้วย
การเลี้ยงและดูแลโครีดนม
แม่โคจะให้นมหรือมีนมให้รีดก็ต่อเมื่อหลังจากคลอดลูกในแต่ละครั้ง แต่จะให้นมเป็นระยะยาวหรือสั้นมากน้อยต่างกันขึ้นกับความสามารถของแม่โคแต่ละตัว พันธุ์ และปัจจัยอื่น ๆ อีก แต่โดยทั่วไปจะรีดนมได้ประมาณ ๕-๑๐ เดือน น้ำนมเหลืองควรจะรีดให้ลูกโคกินจนหมดไม่ควรนำส่งเข้าโรงงานเป็นอันขาด และควรให้อาหารแก่แม่โคอย่างเพียงพอ เพื่อแม่โคจะได้ไปสร้างน้ำนมและเสริมร่างกายส่วนอื่น ๆ ที่ยังไม่สมบูรณ์ได้อย่างเพียงพอ ภายหลังจากแม่โคคลอดลูกโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ ๓๐-๗๐ วัน มดลูกจะเริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ แม่โคจะเริ่มเป็นสัดอีก เมื่อแม่โคแสดงอาการเป็นสัดภายหลังคลอดน้อยกว่า ๒๕ วัน ยังไม่ควรให้ผสมพันธุ์ เพราะมดลูกและอวัยวะต่าง ๆ ในระบบสืบพันธุ์เพิ่งฟื้นตัวใหม่ ๆ ยังไม่เข้าสู่สภาพปกติ ในทางปฏิบัติส่วนใหญ่จะรอให้เป็นสัดครั้งที่ ๒ จึงค่อยผสมพันธุ์ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาประมาณ ๔๕-๗๒ วันหลังจากคลอด
การเป็นสัด หมายถึงสัตว์ตัวเมียยอมให้ผสมพันธุ์กับจะมีการตกไข่เกิดขึ้น อาจจะเป็นการผสมเทียมหรือผสมแบบธรรมชาติก็ได้แล้วแต่ความสะดวก การเป็นสัดของโคแต่ละรอบจะห่างกันประมาณ ๒๑ วัน ในแต่ละครั้งของการเป็นสัดใช้เวลา ๑๘-๒๔ ชั่วโมง ไข่จะตกหลังจากหมดการเป็นสัดแล้วประมาณ ๑๔ ชั่วโมง ดังนั้นช่วงระยะเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการผสมพันธุ์คือระยะเวลาก่อนที่ไข่จะตกเล็กน้อย เช่น ถ้าพบโคเป็นสัดตอนเช้าก็ควรจะผสมอย่างช้าตอนบ่ายวันเดียวกัน หรือถ้าเห็นโคเป็นสัดตอนบ่ายหรือเย็นก็ควรจะผสมอย่างช้าเช้าวันรุ่งขึ้น
อาการของโคเป็นสัด เจ้าของอาจสังเกตอาการของโคอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจแสดงออกมาพร้อมกันดังนี้
๑. ส่งเสียงร้องที่ผิดปกติ
๒. เครื่องเพศบวมแดง
๓. ปัสสาวะถี่
๔. มีเมือกใสและเหนียวไหลออกมาจากช่องคลอดหรือเลอะบริเวณก้นทั้งสองข้าง
๕. ไม่สนอาหารหรือกินอาหารน้อยทั้งอาหารข้นและหญ้า
๖. ถ้าเป็นแม่โคที่กำลังให้นมจะพบว่าน้ำนมลดลง
๗. ขึ้นขี่ตัวอื่นหรือยอมให้ตัวอื่นขี่
๘. สังเกตที่ดวงตา จะเห็นม่านตาเบิกกว้างบ่อยครั้งกว่าปกติ ส่อให้เห็นการตื่นตัวและตื่นเต้นง่าย
เมื่อโคนางได้รับการผสมพันธุ์แล้วประมาณ ๒๑ วัน หากโคไม่แสดงอาการเป็นสัดอีกก็อาจคาดได้ว่าโคตัวนั้นเริ่มตั้งท้องแล้ว
การรีดนม เพื่อที่จะเอานมออกจากเต้านมของแม่โค น้ำนมส่วนมากจะถูกขับออกมาโดยการกระตุ้นทางระบบประสาทและฮอร์โมนพร้อม ๆ กับการรีด นั่นคือการทำให้ภายในหัวนมเกิดมีแรงอัดดันจนทำให้รูหัวนมเปิดออก น้ำนมซึ่งอยู่ภายในจึงไหลออกได้ การรีดนมมีอยู่ ๒ วิธีคือ การรีดนมด้วยมือ และการรีดนมด้วยเครื่อง ซึ่งควรรีดให้สะอาดเสร็จโดยเร็วและให้น้ำนมหมดเต้า
ขั้นตอนการรีดนมเพื่อให้ได้น้ำนมที่สะอาด
๑. การเตรียมน้ำยาฆ่าเชื้อโดยน้ำยาคลอรีนอย่างเจือจาง
๒. การเตรียมอุปกรณ์การรีด ซึ่งรวมถึงผู้ที่ทำการรีดและแม่โคให้เรียบร้อย การเตรียมการต่าง ๆ ควรจัดการให้สะอาดหรือฆ่าเชื้อก่อนด้วยน้ำยาคลอรีน
๓. ทำความสะอาดตัวโคและบริเวณคอกรีดที่สกปรก
๔. ล้างเต้านมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำยาคลอรีนพร้อมกับนวดเช็ดเบา ๆ
๕. ก่อนลงมือรีดควรตรวจสอบความผิดปกติของน้ำนมหรือทำการรีดน้ำนมที่ค้างอยู่ในหัวนมทิ้งเสียก่อน
๖. ขณะลงมือรีดนมควรรีบรีดให้เร็วที่สุดไม่หยุดพักโดยกะให้เสร็จภายใน ๕-๘ นาที และต้องรีดให้หมดทุกเต้า
การรีดนมด้วยมือโดยการใช้นิ้วหัวแม่มือนิ้วชี้บีบหรือรีดหัวนมตอนบนเพื่อเป็นการเปิดทางนม เป็นการกันไม่ให้น้ำนมในหัวนมหนีขึ้นไปอยู่ตอนบน ต่อมาก็ใช้นิ้วที่เหลือ(กลาง นาง ก้อย) ทำการบีบไล่น้ำนมตั้งแต่ตอนบนเรื่อยลงมาข้างล่าง จะทำให้ภายในหัวนมเกิดมีแรงอัดและน้ำนมจะถูกดันผ่านรูนมออกมา และเมื่อขณะที่ปล่อยช่วงนิ้ว(แม่มือ นิ้วชี้) ที่รีดหัวนมตอนบนออก น้ำนมซึ่งมีอยู่ในถุงพักนมข้างบนจะไหลลงมาส่วนล่างเป็นการเติมให้แกหัวนมอีก เป็นเช่นนี้ตลอดระยะเวลาที่รดจนกระทั่งน้ำนมหมด
ที่มา : www.thaikasetsart.com
๑. พันธุ์โคนมที่มีถิ่นกำเนิดในแถบร้อน เช่น พันธุ์เรดซินดี้ ซาฮิวาล เป็นต้น จะสังเกตว่าโคนมพวกนี้จะมีโหนกหลังใหญ่และทนอากาศร้อนได้ดีแต่ให้นมไม่มากนัก
๒. พันธุ์โคนมที่มีถิ่นกำเนิดในแถบหนาวหรือเรียกว่า โคนมยุโรปมีอยู่หลายพันธุ์ สังเกตได้ง่ายคือไม่มีโหนกที่หลัง คือจะเห็นแนวสันหลังตรง มักไม่ค่อยทนต่ออากาศร้อน พันธุ์ที่สำคัญได้แก่พันธุ์ขาวดำหรือโฮลสไตน์ฟรีเซียน
โคพันธุ์โฮลสไตน์ฟรีเซียนนี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศฮอลแลนด์ ได้รับความนิยมเลี้ยงกันมากที่สุดเพราะให้นมมาก มีสีดำตัดขาว รูปร่างใหญ่ ขนาดโตเต็มที่ตัวผู้หนัก ๘๐๐-๑,๐๐๐ กก. ตัวเมียหนัก ๖๐๐-๗๐๐ กก. โคพันธุ์นี้ชอบอากาศหนาว อุณหภูมิไม่ควรเกินกว่า 22°ซ.
สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศแถบร้อน การเลี้ยงโคนมพันธุ์โฮลสไตน์ที่เป็นพันธุ์แท้มักจะมีปัญหามากถ้าหากการจัดการไม่ดี ดังนั้นเกษตรกรควรเลี้ยงลูกผสมระหว่างโคพันธุ์โฮลสไตน์กับโคพันธุ์พื้นเมือง หรือโคที่มีกำเนิดในแถบร้อนพันธุ์อื่น ๆ โดยมีสายเลือดโคนมพันธุ์โฮลสไตน์อยู่ระหว่าง ๕๐-๗๕ ℅ ซึ่งลูกผสมระดับสายเลือดนี้จะให้ผลผลิตการให้นมเฉลี่ยปีละประมาณ ๑,๘๐๐-๒,๒๐๐ กก.
การเริ่มต้นเลี้ยงโคนมสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือ ทุน สถานที่ ตลาดและปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญคือทุน ซึ่งแบ่งแยกออกได้เป็น ๕ รายการ คือ
๑. ทุนสำหรับซื้อโค
๒. ทุนสำหรับสร้างโรงเรือนหรือคอกสัตว์
๓. ทุนสำหรับเตรียมแปลงหญ้า
๔. ทุนสำหรับหาแหล่งน้ำหรือการชลประทาน
๕. ทุนสำหรับค่าอาหาร ค่าแรงงานอื่น ๆ เป็นต้น
การเลี้ยงโคนมอาจเริ่มต้นได้หลายวิธี ซึ่งแล้วแต่ความเหมาะสมและความพร้อมแต่ละบุคคล ดังนี้
๑. เริ่มต้นโดยการหาหรือเลือกซื้อ แม่โคพันธุ์พื้นเมือง หรือแม่โคที่มีสายเลือดโคเนื้อที่มีลักษณะดีไม่เป็นโรคติดต่อมาเลี้ยง แล้วใช้วิธีผสมเทียมกับสายเลือดโคพันธุ์นมของยุโรปพันธุ์ใดพันธุ์หนึ่ง เมื่อได้ลูกผสมตัวเมียก็จะมีเลือดโคนม ๕๐℅ เมื่อเลี้ยงดูต่อไปอีกประมาณ ๓๐-๓๖ เดือน ก็จะให้ลูกตัวแรก แม่โคตัวนี้ก็จะเริ่มรีดนมได้
๒. เริ่มต้นโดยหาซื้อลูกโคนมพันธุ์ผสมเพศเมียมาเลี้ยงโดยอาศัยนมเทียมหรือหางนมผงละลายน้ำให้กินในปริมาณจำกัด พร้อมทั้งให้อาหารข้นลูกโคอ่อนและหญ้าจนกระทั่งอย่านมถึงอายุผสมพันธุ์ ตั้งท้อง คลอดลูก และเริ่มรีดนมได้
๓. เริ่มต้นโดยการจัดซื้อโคนมอายุเมื่อหย่านม โครุ่น โคสาว หรือโคสาวที่เริ่มตั้งท้อง หรือแม่โคที่เคยให้นมแล้วจากฟาร์มใดฟาร์มหนึ่งมาเลี้ยง วิธีนี้ใช้ทุนค่อนข้างสูง แต่ให้ผลตอบแทนเร็ว
วิธีเลี้ยงลูกโคระยะแรก
โดยให้ลูกโคกินนมแม่ต่อหลังจากนมน้ำเหลืองหมด จนลูกโคอายุได้ ๒-๓ เดือน แล้วจึงให้กินนมเทียมหรือนมผงละลายน้ำต่อ จนอายุได้ ๔-๖ เดือน จึงหย่านม การให้นมควรจะให้ในปริมาณที่เกือบคงที่ตลอดไปหรือประมาณ ๑๐℅ของน้ำหนักตัว เช่น ลูกโคเกิดมามีน้ำหนัก ๔๐ กก. ก็ให้นมวันละ ๔ กก. โดยแบ่งครึ่งเช้าและบ่ายจนอายุหย่านม ในขณะเดียวกันควรตั้งอาหารขึ้นสำหรับลูกโคและหญ้าแห้งวางไว้ให้ลูกโคได้ทำความรู้จักและหัดกินตั้งแต่ลูกโคอายุได้ ๑-๒ สัปดาห์ เป็นการหัดโดยการบังคับให้ลูกโคช่วยเหลือตัวเองโดยเร็วที่สุด ประหยัดนมแม่โคได้มากเป็นการลดต้นทุนในการเลี้ยงลูกโค
การเลี้ยงโครุ่นและโคสาว
เมื่อลูกโคอายุได้ ๔ เดือน ระบบการย่อยได้พัฒนาดีขึ้น ลูกโคจะสามารถกินหญ้าได้ดีแล้ว จากนั้นก็จะถึงระยะการเป็นโครุ่น-โคสาว ต่อไป ก็จะถึงอายุเกณฑ์ผสมพันธุ์คืออายุได้ประมาณ ๑๘-๒๒ เดือน ในช่วงดังกล่าวนี้โคจะเจริญอย่างรวดเร็วควรเพิ่มอาหารผสมให้บ้างเป็นวันละ ๑-๒ กก.และให้หญ้ากินเต็มที่ ในกรณีที่เลี้ยงแบบปล่อยลงในแปลงหญ้าก็จะเป็นการดียิ่งขึ้น เพราะโคได้ออกกำลังกาย และยังเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและแรงงานได้มากอีกด้วย
การเลี้ยงและดูแลโครีดนม
แม่โคจะให้นมหรือมีนมให้รีดก็ต่อเมื่อหลังจากคลอดลูกในแต่ละครั้ง แต่จะให้นมเป็นระยะยาวหรือสั้นมากน้อยต่างกันขึ้นกับความสามารถของแม่โคแต่ละตัว พันธุ์ และปัจจัยอื่น ๆ อีก แต่โดยทั่วไปจะรีดนมได้ประมาณ ๕-๑๐ เดือน น้ำนมเหลืองควรจะรีดให้ลูกโคกินจนหมดไม่ควรนำส่งเข้าโรงงานเป็นอันขาด และควรให้อาหารแก่แม่โคอย่างเพียงพอ เพื่อแม่โคจะได้ไปสร้างน้ำนมและเสริมร่างกายส่วนอื่น ๆ ที่ยังไม่สมบูรณ์ได้อย่างเพียงพอ ภายหลังจากแม่โคคลอดลูกโดยเฉลี่ยแล้วประมาณ ๓๐-๗๐ วัน มดลูกจะเริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ แม่โคจะเริ่มเป็นสัดอีก เมื่อแม่โคแสดงอาการเป็นสัดภายหลังคลอดน้อยกว่า ๒๕ วัน ยังไม่ควรให้ผสมพันธุ์ เพราะมดลูกและอวัยวะต่าง ๆ ในระบบสืบพันธุ์เพิ่งฟื้นตัวใหม่ ๆ ยังไม่เข้าสู่สภาพปกติ ในทางปฏิบัติส่วนใหญ่จะรอให้เป็นสัดครั้งที่ ๒ จึงค่อยผสมพันธุ์ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาประมาณ ๔๕-๗๒ วันหลังจากคลอด
การเป็นสัด หมายถึงสัตว์ตัวเมียยอมให้ผสมพันธุ์กับจะมีการตกไข่เกิดขึ้น อาจจะเป็นการผสมเทียมหรือผสมแบบธรรมชาติก็ได้แล้วแต่ความสะดวก การเป็นสัดของโคแต่ละรอบจะห่างกันประมาณ ๒๑ วัน ในแต่ละครั้งของการเป็นสัดใช้เวลา ๑๘-๒๔ ชั่วโมง ไข่จะตกหลังจากหมดการเป็นสัดแล้วประมาณ ๑๔ ชั่วโมง ดังนั้นช่วงระยะเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการผสมพันธุ์คือระยะเวลาก่อนที่ไข่จะตกเล็กน้อย เช่น ถ้าพบโคเป็นสัดตอนเช้าก็ควรจะผสมอย่างช้าตอนบ่ายวันเดียวกัน หรือถ้าเห็นโคเป็นสัดตอนบ่ายหรือเย็นก็ควรจะผสมอย่างช้าเช้าวันรุ่งขึ้น
อาการของโคเป็นสัด เจ้าของอาจสังเกตอาการของโคอย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจแสดงออกมาพร้อมกันดังนี้
๑. ส่งเสียงร้องที่ผิดปกติ
๒. เครื่องเพศบวมแดง
๓. ปัสสาวะถี่
๔. มีเมือกใสและเหนียวไหลออกมาจากช่องคลอดหรือเลอะบริเวณก้นทั้งสองข้าง
๕. ไม่สนอาหารหรือกินอาหารน้อยทั้งอาหารข้นและหญ้า
๖. ถ้าเป็นแม่โคที่กำลังให้นมจะพบว่าน้ำนมลดลง
๗. ขึ้นขี่ตัวอื่นหรือยอมให้ตัวอื่นขี่
๘. สังเกตที่ดวงตา จะเห็นม่านตาเบิกกว้างบ่อยครั้งกว่าปกติ ส่อให้เห็นการตื่นตัวและตื่นเต้นง่าย
เมื่อโคนางได้รับการผสมพันธุ์แล้วประมาณ ๒๑ วัน หากโคไม่แสดงอาการเป็นสัดอีกก็อาจคาดได้ว่าโคตัวนั้นเริ่มตั้งท้องแล้ว
การรีดนม เพื่อที่จะเอานมออกจากเต้านมของแม่โค น้ำนมส่วนมากจะถูกขับออกมาโดยการกระตุ้นทางระบบประสาทและฮอร์โมนพร้อม ๆ กับการรีด นั่นคือการทำให้ภายในหัวนมเกิดมีแรงอัดดันจนทำให้รูหัวนมเปิดออก น้ำนมซึ่งอยู่ภายในจึงไหลออกได้ การรีดนมมีอยู่ ๒ วิธีคือ การรีดนมด้วยมือ และการรีดนมด้วยเครื่อง ซึ่งควรรีดให้สะอาดเสร็จโดยเร็วและให้น้ำนมหมดเต้า
ขั้นตอนการรีดนมเพื่อให้ได้น้ำนมที่สะอาด
๑. การเตรียมน้ำยาฆ่าเชื้อโดยน้ำยาคลอรีนอย่างเจือจาง
๒. การเตรียมอุปกรณ์การรีด ซึ่งรวมถึงผู้ที่ทำการรีดและแม่โคให้เรียบร้อย การเตรียมการต่าง ๆ ควรจัดการให้สะอาดหรือฆ่าเชื้อก่อนด้วยน้ำยาคลอรีน
๓. ทำความสะอาดตัวโคและบริเวณคอกรีดที่สกปรก
๔. ล้างเต้านมด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำยาคลอรีนพร้อมกับนวดเช็ดเบา ๆ
๕. ก่อนลงมือรีดควรตรวจสอบความผิดปกติของน้ำนมหรือทำการรีดน้ำนมที่ค้างอยู่ในหัวนมทิ้งเสียก่อน
๖. ขณะลงมือรีดนมควรรีบรีดให้เร็วที่สุดไม่หยุดพักโดยกะให้เสร็จภายใน ๕-๘ นาที และต้องรีดให้หมดทุกเต้า
การรีดนมด้วยมือโดยการใช้นิ้วหัวแม่มือนิ้วชี้บีบหรือรีดหัวนมตอนบนเพื่อเป็นการเปิดทางนม เป็นการกันไม่ให้น้ำนมในหัวนมหนีขึ้นไปอยู่ตอนบน ต่อมาก็ใช้นิ้วที่เหลือ(กลาง นาง ก้อย) ทำการบีบไล่น้ำนมตั้งแต่ตอนบนเรื่อยลงมาข้างล่าง จะทำให้ภายในหัวนมเกิดมีแรงอัดและน้ำนมจะถูกดันผ่านรูนมออกมา และเมื่อขณะที่ปล่อยช่วงนิ้ว(แม่มือ นิ้วชี้) ที่รีดหัวนมตอนบนออก น้ำนมซึ่งมีอยู่ในถุงพักนมข้างบนจะไหลลงมาส่วนล่างเป็นการเติมให้แกหัวนมอีก เป็นเช่นนี้ตลอดระยะเวลาที่รดจนกระทั่งน้ำนมหมด
ที่มา : www.thaikasetsart.com